อาการปวดท้องเป็นความผิดปกติของร่างกายที่สามารถพบได้เป็นประจำ ซึ่งอาการปวดท้องนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นระบบภายในร่างกายอย่างอวัยวะภายในหรือกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติเล็กน้อยไปจนถึงการเกิดโรคร้ายร้ายแรงบางชนิด วันนี้แอดมินจึงจะพาทุกท่านไปศึกษาตำแหน่งที่เกิดอาการปวดท้อง ซึ่งสามารถบอกความผิดปกติของร่างกายในเบื้องต้นได้ เพื่อให้ทุกท่านนำไปใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาสภาพร่างกาย หรือความเจ็บป่วยของตนเองได้ โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
ตำแหน่งที่ปวดท้องบอกอาการเจ็บป่วย

อาการปวดท้องสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งยังมีอาการแตกต่างกันออกไปตามแต่ลักษณะของโรค โดยอาจจะเป็นการปวดท้องที่นานหลายชั่วโมง ปวดจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้ ปวดท้องร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดบริเวณท้องน้อย หรือปวดแบบมีไข้ร่วมด้วย ซึ่งอาการปวดท้องในตำแหน่งต่าง ๆ จะเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนั้นวันนี้แอดมินจึงรวบรวมสาระประโยชน์เกี่ยวกับตำแหน่งที่จะแสดงถึงโรคที่กำลังเผชิญอยู่ได้ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
- ปวดบริเวณใต้ชายโครงขวา เป็นตำแหน่งของตับและถุงน้ำดี หากลองกดแล้วพบเป็นก้อนแข็งประกอบกับมีอาการตัวเหลือง สันนิษฐานได้ว่าการทำงานของตับและถุงน้ำดีอาจมีความบกพร่อง
- ปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่ หากปวดร่วมกับมีอาการเจ็บหน้าอกหรือแน่นท้อง อาจเป็นโรคหัวใจขาดเลือก แต่หากปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่มอาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร นอกจากนี้หากปวดแบบรุนแรง และมีการอาเจียนอาจเกี่ยวข้องกับตับอ่อน
- ปวดบริเวณชายโครง เป็นตำแหน่งของม้าม ซึ่งไม่ควรมองข้าม และควรรีบไปพบแพทย์ในทันที
- ปวดบริเวณบั้นเอวขวาหรือบั้นเอวซ้าย จุดนั้นเป็นตำแหน่งของท่อไต หากมีปัสสาวะปนเลือดอาจเป็นนิ่วที่ไต และหากปวดร้าวไปจนถึงต้นขาอาจเป็นนิ่วในท่อไตได้ นอกจากนี้หากมีอาการปวดหลังร่วมด้วยอาจเป็นกรวยไตอักเสบ มากไปกว่านั้นหากคลำเจอก้อนเนื้อให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน
- ปวดบริเวณท้องน้อยขวา เป็นตำแหน่งของไส้ติ่ง ท่อไต ปากมดลูก และรังไข่ขวา หากปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวมาที่ต้นขาอาจเป็นอาการของกรวยไตอักเสบหรือนิ่วท่อไต หากปวดบีบตลอดเวลาอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ
- ปวดท้องน้อย เป็นตำแหน่งของกระเพาะปัสสาวะและมดลูก หากมีอาการปวดร่วมกับปัสสาวะกะปริบกะปรอยอาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แต่หากปวดแล้วมีไข้สูง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น อาจเป็นมดลูกอักเสบ นอกจากนี้หากมีอาการปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน และมีอาการปวดเรื้อรัง ควรรีบพบแพทย์ เนื่องจากอาจมีปัญหาที่มดลูก
- ปวดบริเวณท้องน้อยข้างซ้าย เป็นตำแหน่งของปีกมดลูกและท่อไต รังไข่ด้านซ้าย สำไส้ใหญ่ส่วนปลาย หากปวดเกร็งเป็นระยะอาจเป็นนิ่วท่อไต หากปวดร่วมกับมีไข้หนาวสั่นและมีตกขาวอาจเป็นมดลูกอับเสบ นอกจากนี้หากมีอาการปวดร่วมกับท้องเสียผิดปกติ อาจเป็นอาการของลำไส้อักเสบ

บริเวณที่ปวดท้องสามารถบอกสาเหตุและโรคร้ายที่อาจจะกำลังก่อตัวอยู่ภายในร่างกายเราได้ ดังนั้นทุกท่านจึงควรตรวจสุขภาพ และหมั่นพิจารณาความผิดปกติของร่างกาย หากมีความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่ดี ควรรีบพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาหรือเข้ารับการรักษาในทันที