ค่าแรงขั้นต่ำ นับเป็นตัวเลขสำคัญที่ทำหน้าที่ในการกำหนดรายได้หรือค่าตอบแทนที่พนักงานหรือลูกจ้างสมควรจะได้รับในแต่ละวัน โดยการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำนี้จะช่วยให้ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างมีตัวเลขในการจ่ายค่าแรงที่เป็นมาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดปัญหาเอารัดเอาเปรียบ หรือสร้างภาระในด้านค่าใช้จ่ายให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากจนเกินไป ทั้งนี้การกำหนดค่าแรงขั้นต่ำนั้นจะอยู่ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการค่าจ้าง ซึ่งจากการประชุมครั้งที่ 8/2565 ได้มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับลูกจ้าง ดังรายละเอียดต่อไปนี้
รายละเอียดการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

จากมติที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (ชุดที่ 21) ซึ่งเป็นกรรมการไตรภาคี ครั้งที่ 8 ประจำปี 2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนออัตราค่าแรงขั้นต่ำของปี 2565 ร่วมกับผู้แทนนายจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ โดยการประชุมในครั้งนี้มีนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในการประชุม ทั้งนี้คณะกรรมการมีทั้งหมด 19 ท่าน แบ่งเป็นคณะกรรมการจากฝ่ายรัฐบาล 5 ท่าน ฝ่ายนายจ้าง 4 ท่าน ฝ่ายลูกจ้าง 5 ท่าน และฝ่ายที่ปรึกษา 5 ท่าน การลงมติในที่ประชุมจึงต้องใช้เสียง 3 ใน 5 ของคณะกรรมการทั้งหมด เพื่อให้มติเป็นไปด้วยความเหมาะสม อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้ลงมติเรื่องค่าแรงขั้นต่ำของ 77 จังหวัด เฉลี่ยที่ 337 บาท โดยจะประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ทั้งนี้จากการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดพบว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
- กลุ่มจังหวัดที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 336 บาท เป็น 354 บาท ได้แก่
- ชลบุรี
- ระยอง
- ภูเก็ต
- กลุ่มจังหวัดที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 331 บาท เป็น 353 บาท ได้แก่
- กรุงเทพมหานคร
- นนทบุรี
- นครปฐม
- ปทุมธานี
- สมุทรปราการ
- สมุทรสาคร
- จังหวัดที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 330 บาท เป็น 353 บาท ได้แก่
- ฉะเชิงเทรา
- จังหวัดที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 325 บาท เป็น 343 บาท ได้แก่
- พระนครศรีอยุธยา
- กลุ่มจังหวัดที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 325 บาท เป็น 340 บาท ได้แก่
- ปราจีนบุรี
- หนองคาย
- อุบลราชธานี
- พังงา
- กระบี่
- ตราด
- ขอนแก่น
- เชียงใหม่
- สุพรรณบุรี
- สงขลา
- สุราษฏร์ธานี
- นครราชสีมา
- ลพบุรี
- สระบุรี
- กลุ่มจังหวัดที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 323 บาท เป็น 338 บาท ได้แก่
- มุกดาหาร
- กาฬสิทธุ์
- สกลนคร
- สมุทรสงคราม
- จันทบุรี
- นครนายก
- กลุ่มจังหวัดที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 320 บาท เป็น 335 บาท ได้แก่
- เพชรบูรณ์
- กาญจนบุรี
- บึงกาฬ
- ชัยนาท
- นครพนม
- พะเยา
- สุรินทร์
- ยโสธร
- ร้อยเอ็ด
- เลย
- พัทลุง
- อุตรดิตถ์
- นครสวรรค์
- ประจวบคีรีขันธ์
- พิษณุโลก
- อ่างทอง
- สระแก้ว
- บุรีรัมย์
- เพชรบุรี
- กลุ่มจังหวัดที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 315 บาท เป็น 322 บาท ได้แก่
- มหาสารคาม
- สิงห์บุรี
- สตูล
- แพร่
- สุโขทัย
- กำแพงเพชร
- ราชบุรี
- ตาก
- นครศรีธรรมราช
- ชัยภูมิ
- ระนอง
- พิจิตร
- กลุ่มจังหวัดที่ได้ปรับขึ้นค่าแรงจากเดิม 320 บาท เป็น 328 บาท ได้แก่
- ยะลา
- ปัตตานี
- นราธิวาส
- น่าน
- อุดรธานี
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับลูกจ้างในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกจ้างทุกคนสามารถเลี้ยงชีพและบริหารจัดการค่าครองชีพได้ดียิ่งขึ้น ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำจากพิษโควิด ดังนั้นนายจ้างหรือองค์กรต่าง ๆ ควรศึกษาหลักเกณฑ์เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ และดำเนินการให้เหมาะสมทันทีหลังจากการประกาศใช้งาน
แนะนำบทความเศรษฐกิจ : เศรษฐกิจ 4.0 คืออะไร?