โรคตาแห้งเป็นอีกหนึ่งภาวะที่คนปัจจุบันประสบเป็นจำนวนมาก เป็นภาวะที่ปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวตา สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย มีสาเหตุหลักมาจากการใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการระคายเคืองดวงตา
โรคตาแห้ง คืออะไร?
เป็นโรคตาที่เกิดจากระบบต่อมน้ำตาที่ทำงานผิดปกติ ทำให้มีปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอ หรือคุณภาพของน้ำตาไม่เพียงต่อการหล่อลื่นและปกป้องดวงตา หรือมีการระเหยของน้ำตาที่มากจนเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการไม่สบายตา เช่น เคืองตา แสบตา เป็นต้น
สาเหตุของโรคตาแห้ง
เบื้องต้นมักเกิดจากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- ต่อมไขมันที่ตาอุดตันหรือเสื่อม ทำให้น้ำตาที่หลั่งออกมาระเหยไปอย่างรวดเร็ว
- คุณภาพของน้ำตาไม่ดี ความชุ่มชื้นจึงไม่เพียงพอ ทำให้น้ำตาหลั่งออกมามากขึ้น
- กระพริบตาน้อยระหว่างวันส่งผลให้ตาแห้ง
- มียาบางชนิดสามารถทำให้ตาแห้งมากขึ้นได้
- คอนแทคเลนส์ที่ใช้เกินระยะเวลาที่กำหนด
- ปัจจัยภายนอก เช่น พวกฝุ่นละออง เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
- การขาดวิตามินเอ และโอเมก้า 3
- โรคบางโรคส่งผลให้กระบวนการผลิตน้ำตาลดลง เช่น โรคโซเกร็น, โรคภูมิแพ้ขึ้นตา เป็นต้น
อาการของโรคตาแห้ง
ตาจะรู้สึกฝืด ระคายเคืองคล้ายมีเศษผงเข้าตา แสบร้อน ในบางรายมีขี้ตาเป็นเมือกเหนียวยืดเป็นเส้น เพราะน้ำตามีส่วนประกอบของน้ำเมือกและน้ำมัน เมื่อโดนแดดและลมน้ำจะระเหยไปทำให้เมือกมีความข้นมากขึ้น ผู้ป่วยจึงมีขี้ตาซึ่งมีลักษณะเป็นเมือกสีขาว หรือสีเหลืองนวลมากกว่าปกติ ในผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์อยู่ ถ้ามีอาการตาแห้งจะทำให้เกิดความระคายเคืองเพิ่มมากขึ้น และในบางครั้งผู้ป่วยจะมีอาการน้ำตาไหล เนื่องจากน้ำตาปกติลดน้อยลง มีอาการระคายเคือง ทำให้ต่อมน้ำตาใหญ่ (Reflex Tear) บีบน้ำตาออกมามากจนไหลล้น เมื่ออาการแสบตานั้นลดลงน้ำตาก็จะหยุดไหล จนน้ำตาเริ่มแห้งถึงระดับที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาอีก น้ำตาก็จะไหลออกมามาก สลับกันไปเช่นนี้เป็นระยะ ๆ
วิธีการรักษาโรคตาแห้ง
- ใช้ยาหยอดตาหรือน้ำตาเทียม เพื่อช่วยหล่อลื่นดวงตา เป็นวิธีการรักษาที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ ให้ผลในการบรรเทาอาการได้ทันที
- รักษาโดยการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความบกพร่อง ทั้งนี้ ใช้ในกรณีที่มีอาการรุนแรงเท่านั้น และควรได้รับคำปรึกษาพิจารณาร่วมกับจักษุแพทย์
วิธีป้องกันโรคตาแห้ง
- หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับแสงแดดและลม โดยควรสวมแว่นตากันลมกันแดด
- ใส่คอนแทคเลนส์ให้น้อยลง โดยใส่ไม่ควรเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถผลิตน้ำตาได้เต็มที่
- พักสายตาโดยการหลับตา กะพริบตา ทุก ๆ 10 – 15 นาที
- รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา
โรคตาแห้งอาจส่งผลเสียได้มากกว่าที่คิด แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็ก่อปัญหากวนใจในการใช้ชีวิตได้ไม่น้อย กรณีที่ยังมีอาการตาแห้งบ่อย ๆ หากไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดหรืออาการไม่บรรเทาลง แนะนำให้รีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง หากปล่อยให้ลุกลามก็อาจถึงขั้นอักเสบเรื้อรังรุนแรงจนเสี่ยงต่อการตาบอดได้