ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Influenza โดยสามารถติดต่อผ่านการไอ การจาม และการสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อ หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ติดเชื้อ หลายท่านมักเข้าใจว่าไข้หวัดใหญ่มีลักษณะเหมือนไข้หวัดทั่วไป ไม่ได้มีความอันตรายมากนัก แต่ในความเป็นจริงโรคไข้หวัดใหญ่สามารถก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรง หรืออาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตภายหลังการติดเชื้อได้ ดังนั้นวันนี้แอดมินจึงได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่มาฝากทุกท่าน เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกัน และเฝ้าสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด ดังรายละเอียดต่อไปนี้
อาการของโรค

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่มักมีความคล้ายคลึงกับโรคไข้หวัดธรรมดา ทว่าจะมีอาการบางประการที่แตกต่าง และเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ได้แก่
- มีไข้สูง
- อ่อนเพลีย
- ปวดศรีษะ
- ไอแห้ง ไม่มีเสมหะ
- มีน้ำมูก และคัดจมูก
- ปวดเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อ
- บางรายอาจมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ปอดบวม
โดยทั่วไปจะมีอาการประมาณ 2 – 3 วัน แต่หากท่านใดมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นแบบฉับพลันและรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป ควรปรึกษาแพย์เพื่อพิจารณาอาการ และเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องอย่างทันถ่วงที
กลุ่มเสี่ยงของโรค

กลุ่มบุคคลที่มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนที่มีความอันตราย และสมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค ได้แก่ เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ดังนี้
- โรคไต
- โรคตับ
- โรคเลือด
- โรคหอบหืด
- โรคมะเร็งปอด
- โรคเบาหวาน
- โรคปอดเรื้อรัง
- โรคถุงลมโป่งพอง
- โรคที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้แก่ โรคเอดส์ โรคมะเร็ง
- โรคทางสมอง ได้แก่ โรคลมชัก อัมพาต อัมพฤกษ์ พิการทางสมอง ปัญญาอ่อน โรคกล้ามเนื้อและไขสันหลัง
แนวทางป้องกันโรค

โรคไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายผ่านการไอ จาม สัมผัส หรือใช้สิ่งของร่วมกัน ดังนั้นวิธีการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่จึงมีขั้นตอนที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีผู้คนแออัด
- ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา
- ไม่สัมผัสหรือใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน
- รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี ซึ่งวัคซีนดังกล่าวจะผลิตจากเชื้อที่ตายแล้วผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย สามารถฉีดได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่เหมาะสมที่สุด คือ ช่วงก่อนฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และช่วงก่อนฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่มาการระบาดรุนแรง
วิธีการรักษา

การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่จะเริ่มต้นจากการรับประทานยาฆ่าเชื้อไวรัส โดยยาดังกล่าวจะเข้าไปยับยั้งการเติบโตของเชื้อไวรัสในร่างกาย ทั้งนี้ปริมาณการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย ดังนั้นแพทย์จะพิจารณาจ่ายยาตามอาการและความเสี่ยงในการรักษาโรค อย่างไรก็ดีแพทย์อาจพิจารณาสั่งยาประเภทอื่น ๆ เช่น ยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้แพ้ เป็นต้น
ไข้หวัดใหญ่เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่แพร่กระจายได้ง่าย ดังนั้นทุกท่านจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ